วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สูตรบริหาร เงินกำไร

Posted by with No comments

           สูตรเงินล้านสำหรับมือใหม่..


การหาเงินล้าน ไม่ใช้เรื่องยาก แต่...ม้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ผมมี สูตรหลายสูตรในการบริหารเงิน อยู่ที่ความสามารถ ของท่าน ว่า จะเหมาะกับสูตรไหน สิ่งที่สำคัญในการเทรด Forex คือ ความมีระเบียบวินัยในการเทรด อย่าโลภ หรืออย่ากลัวจนเกินไป ...


















     เพืยงแค่ 10 เดือน ก็สามารถ มีเงินได้ถึง 3 ล้านกว่าบาท
                ผมว่ามันไม่ยากน่ะ วันล่ะ 5 %  สำหรับมือใหม่ ที่ต้องทำให้ได้  เพราะบางวันผมเคยทำได้ถึง 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ บ่อยๆ (แล้วก็มักจะเสียแบบล้างพร๊อดเป็นประจำเพราะเสี่ยงเกินไป) แต่ถ้าทำตามสูตรคงรวยมหาศาลไปแล้ว....วินัยในการเทรด ใครมีมากโอกาสรวยเป็นไปได้แน่นอน
 
    ปล. ผมมีสูตรดีๆเยอะ แต่ ผมเป็นคนไร้วินัย(โลภ) เลยไม่ค่อยประสพความสำเร็จ .5555..
















วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Forex คืออะไร

Posted by with 1 comment




เริ่มต้นเรียนรู้ Forex สำหรับมือใหม่
          Forex คืออะไร  Forex นั้น มาจากคำว่า  (Foreign Exchange) หรือที่เรารู้จักในอักษรย่อ FX นั่นเอง คือ เป็นชื่อที่ใช้เรียกตลาดหลักทรัพย์เงินตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยที่ตลาด FX นั้น จะคล้ายกับตลาดหุ้น  แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นบ้านเรา แต่ถ้าหากพูดว่าเป็นตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุด เพราะเป็นตลาดหุ้นของคนทั้งโลก   เป็นตลาดที่ทำการซื้อขายค่าเงินกันโดยตรงของตลาดเงินตราที่มีมูลค่า $1.9 Trillion (ล้านล้าน) ต่อวัน   Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยหยุดการซื้อขาย แค่วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น   ตลาดForex มีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่าตลาดทางการเงินอื่นๆรวมกันถึง 46 เท่า
ในอดีตที่ผ่านมาการซื้อ–ขายแลกเปลี่ยนค่าเงินถูกจำกัดไว้เฉพาะแต่ในแวดวงของธนาคารและสถาบันการเงินขนาดใหญ่เท่านั้นแต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นทำให้สามารถพัฒนาระบบการเทรดแบบ Online ที่ยอมให้นักลงทุนรายย่อยได้มีโอกาสเข้ามาทำการซื้อขายค่าเงินกันได้โดยตรงในตลาด Forex โดย Foreign Exchange เทรดได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางการซื้อขายสามารถทำได้หลายช่องทางทั้งทางโทรศัพท์และทางระบบ Internet ทำให้มันเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือเวลาใดๆในอดีตการลงทุนในตลาด Forex ยังจำกัดอยู่ในวงแคบๆไม่ค่อยแพร่หลายเท่าที่ควรเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงในการเปิดบัญชีกับทาง Brokers ยกตัวอย่างการเปิดบัญชีกับ www.forex.com กำหนดการลงทุนขั้นต่ำของ Standard account ไว้ที่ 2,500 $ และ 250 $ สำหรับ Mini account คนที่มีเงินลงทุนน้อยหมดสิทธิ์อย่างแน่นอน
          แต่ในปัจจุบัน ได้มีการซื้อขายผ่าน Internet โดย Brokers ต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมายทั่วโลก แต่โดยทั่วๆไปแล้วต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก จนในช่วงหลังมานี้ได้มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่สามารถลงทุนด้วยเงินลงทุนที่ต่ำลงมาก ตั้งแต่หลักร้อยบาท  ไปจนถึงไม่จำกัดจำนวน   ทำให้เราสามารถนำเงินเพียงน้อยนิดไปลงทุนในตลาด Forex ได้อย่างง่ายดาย  การลงทุนในตลาด Forex นั้น คล้ายกับการเกงกำไร ลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเรา นั้นคือ ซื้อมา แล้วก็ขายไป กำไรที่ได้มาจากผลต่างของราคาซื้อ และราคาขาย แค่เปลี่ยนจากการซื้อหุ้น เป็นการซื้อเงินตราสกุลต่าง ๆ นั้นเอง
           ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาด Forex นั้นสูงมาก เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้น หรือการลงทุนในกองทุน สำหรับผู้ที่พอรู้ หรือติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน อาจสงสัยว่าการลงทุนในตลาด Forex ซึ่งซื้อขายเงินตราสกุลเงินต่าง ๆ จะให้ผลตอบแทนสูงได้อย่างไร ในเมื่อแต่ละวันอัตราการเปลี่ยนแปลงราคาของสกุลเงินต่าง ๆ นั้นเปลี่ยนแปลงน้อยมาก (ไม่ถึง 1%) คำตอบอยู่ตรงนี้ครับ สิ่งที่ทำให้ตลาด Forex ให้ผลตอบแทนสูงนั้นคือ ระบบ Leverage ซึ่งเปิดโอกาสผู้ลงทุน สามารถลงทุนและทำกำไรได้เหมือนมีทุน เป็นร้อยเท่าจากทุนจริงที่มีอยู่ และสามารถเลือกทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น และขาลง ซึ่งทั้งหมดนี้เหมือนกับการลงทุนใน Gold Future, TFEX หรือ SET50 Future ในบ้านเรานั้นเอง เพียงแต่ว่า สัดส่วน Leverage นั้นสูงกว่ามาก
           หลายคนอาจจะสงสัยกับคำว่าผลตอบแทนสูงนั้น สูงขนาดไหน?? เปรียบเทียบให้เห็นภาพมากขึ้น การลงทุนซื้อหุ้นในตลาดทุนเพื่อเกงกำไรระยะสั้น โอกาสที่จะได้กำไร 10-20% ใน 1 วันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดได้บ่อย แต่สำหรับตลาด Forex กำไร 10-20% ต่อ 1 วันนั้นเป็นเรื่องปกติ และธรรมดามาก (บางจังหวะ เพียงแค่ 5-10 นาที ก็สามารถทำกำไร 10-20% ก็เป็นไปได้) จะเห็นได้ว่า ผลตอบแทนนั้นสูงมาก และยั่วยวนกิเลสดีจริง ๆ แต่ ในทางกลับกันก็เป็นการลงทุนที่มีอัตราเสี่ยงสูงมาก (มี 100 ก็หมด 100 ได้ไม่ยาก ในเวลาอันสั้นเช่นกัน) ดังนั้นผู้ที่สนใจ และอยากลองลงทุนในตลาด Forex ก่อนลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนนะครับ
สรุปข้อดีของการทำกำไรในตลาด Forex
   1. ใช้เงินลงทุนต่ำ  เพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น
   2. สามารถทำกำไรได้ตลอด 24 ชั่วโมง  ผ่านระบบ Internet  อยู่ที่ไหนก็ทำได้  ว่างตอนไหน ก็เข้าไปทำกำไรได้ตลอดเวลา
   3. สามารถดำเนินการซื้อขายด้วยตัวเองได้ทันที  ไม่ต้องมีคนกลาง
   4. สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง
   5. สามารถศึกษาระบบเทรด หรือทดลองเทรด ผ่าน  Demo บนระบบเทรดจริง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนก่อน ไม่มีค่าใช้จ่าย
   6. มีแหล่งให้ความรู้ฟรีมากมายบนอินเตอร์เน็ต  โดยคุณไม่ต้องเสียเงินเพื่อไปเข้าคอร์สอบรม
   7. มีเครื่องมือช่วยในการทำกำไร   ด้วยระบบเทรดอัตโนมัติ  เพียงคุณเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ 24 ชม.  ก็เพียงพอ
ช่วงเวลาทำการของตลาด
ตลาด Forex นั้นมีหลายแห่งในโลก มีเวลาการเปิดปิดที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้เราสามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ โดยตลาดต่างๆ มีเวลาเปิดปิดดังนี้
ตามเวลาประเทศไทย ตลาดจะเปิดทำการตั้งแต่เวลาตี 4 ของเช้าวันจันทร์ และปิดตี 4 ของเช้าวันเสาร์ (รวม 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
                ตลาด USD = US Dollar เปิดเวลา 19.00 น. ถึงตี 3
                ตลาด GBP = British Pound เปิดเวลา 14.00 - 22.00 น.
                ตลาด EUR = Euro เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.
                ตลาด CHF = Swiss Franc เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.
                ตลาด JPY = Japanese Yen เปิดเวลา 7.00 - 14.00 น.
                ตลาด AUD = Australian Dollar เปิดเวลา 5.00 - 13.00 น.
           ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล “Foreign Exchange Market” เรียกโดยย่อว่า “FOREX” หรือ “Forex” หรือ “Retail forex” หรือ “FX” หรือ “Spot FX” หรือเพียงแค่ “Spot” เป็นสถาบันตลาดการเงินที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายเกิน 4 ล้านล้านเหรียญต่อวัน ถ้าเราเปรียบกับ 25 ล้านเหรียญ ต่อวัน ของปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นิวยอร์ค คุณจะเห็นความมหึมาของตลาดเงินตราสากล ความจริงแล้วมันก็ประมาณ 3 เท่าของตลาดหุ้นทุกชนิดในโลกรวมกัน นี่คือความยิ่งใหญ่ของ Forex คนไทยส่วนใหญ่ เข้าใจคำว่า Forex ผิดไป ส่วนมาก เมื่อเอ่ยถึง Forex จะมีภาพพจน์ไปทางทางฟอกเงิน ก็เพราะด้วยเหตุที่ว่า Forex เป็นแหล่งเงินที่มีความคล่องตัวสูงมาก จึงทำให้สิบแปดมงกุฏทั้งหลาย นิยมอ้างถึงในการชวนระดมทุนว่านำไปทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ หากอ่านต่ออีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคุณจะมองเห็นภาพของฟอเร็กซ์กระจ่างขึ้น
           ใช้อะไรในการค้าเงินตรา  คำ ตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ เงิน ตลาด ฟอเรกซ์ เป็นตลาดที่ทำการซื้อหนึ่งสกุลและขายอีกหนึ่งสกุลได้ในทันที สกุลค้าขายโดยผ่ายตัวแทน โบรกเกอร์ (Broker) หรือ ตัวแทน (Dealer) และซื้อขายกันเป็นคู่ต่างสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น เงินดอล์ล่ายูโร กับ ดอล์ล่าอเมริกา หรือ เงินปอนด์อังกฤษ กับ เงิน เยน ญี่ปุ่น เป็น เพราะว่าคุณไม่ได้ซื้อสิ่งของที่จับต้องได้ การค้าชนิดนี้อาจจะเข้ายากสักนิด อาจคิดเหมือนกับว่าการซื้อสกุลเงินเป็นการซื้อหุ้นของประเทศนั้น ๆ เมื่อคุณซื้อเงิน เยน ญี่ปุ่นเท่ากับคุณซื้อหุ้นเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น เพราะค่าของสกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น เป็นผลสืบเนื่องโดยตรง ที่ตลาดเล็งถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตของประเทศญี่ปุ่น โดย ทั่วไปแล้วอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่ออีกสกุลเงินหนึ่ง สะท้อนถึงสถานภาพของเศรษฐกิจของประเทศนั้น เปรียบเทียบ กับอีกประเทศหนึ่ง ไม่ เหมือนตลาดหุ้น (Stock Market) ของนิวยอร์ค ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีสถานที่ตั้งหรือศูนย์กลาง หรือสำนักงานใหญ่ เหมือนตลาดหุ้นอื่น ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดอยู่ในประเภท Over the Counter (OTC) หรือ ธนาคาร “Interbank” ด้วยความจริงที่ว่าตลาดทั้งหมดเดินด้วยการสื่อสารอีเลคทรดนิค ภายในเครือข่ายของธนาคารๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
             ก่อน ปี ค.ศ. 1990 เฉพราะเศรษฐี และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ที่สามารคเข้าเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ นี้ได้ คุณสมบัติขั้นต่ำคือคุณต้องมี 50,000,000.– (ห้าสิบล้าน) เหรียญสหรัฐ เพื่อเริ่มต้นที่จะเข้าทำการเทรด แรกทีเดียว ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดให้เป็นตลาดที่ใช้โดยธนาคาร และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีไว้ให้พวกเราเข้าเทรดเล่นๆหรอกนะ อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางอินเตอร์เนท การเทรดฟอเรกซ์ได้ถูกจัดโดยเอเยนซี่ต่างๆ ให้เข้าทำการเทรดได้ ด้วยบัญชีรายย่อย สำหรับพวกเรา ๆ ท่าน ๆ
            Spote Market คืออะไร ? ตลาดสปอตมาร์เกต ก็คือตลาดที่ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตามราคาปัจจุบัน Forex จัดอยู่ในประเภท สปอตมาร์เกต เพราะใช้ค่าของตัวเงินในการเทรดนั่นคือเงิน ต่างจาก Future Market ที่เราได้ยินกันในประเภทซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี่สื่อสารที่ทันสมัย ทำให้ Spote Market ได้รับความนิยิม เหนือ Futrue Market แบบ ขาดลอย เพราะผู้เทรดใน Future Market จำต้องพิจารณาควบถึงอุปสงค์ของสินค้าเกษตร รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตด้วย ซึ่งนับวันจะได้รับความนิยมน้อยลง การทำการซื้อขายฟอร์เรกซ์ ผู้เทรดคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่งคง มั่งคั่งของประเทศที่เลือกเทรดและประเทศคู่ค้า จะเห็นว่าการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า Future Market ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังต้องคำนึงถึงอุปสงค์ของสินค้านั้น ๆ อีกด้วย การวิเคราะห์แนวโน้มราคาของสินค้าเกษตรจึงดูเหมือนกับไม่ใช่เป็นของหมู ๆ เลย Future Market จำถูกจำกัดอยู่เฉพราะในวงการพ่อค้าคนกลางของสินค้านั้น ๆ
สกุลเงินอะไรที่ใช้ในการเทรด ?
สกุลเงินที่เป็นที่นิยมพร้อมด้วยชื่อย่อดังรายการต่อไปนี้.-
อักษรย่อ ประเทศ สกุลเงิน ชื่อเรียก
             USD     United States Dollar Buck
             EUR     Euro members Euro Fiber
             JPY      Japand Yen Yen
             GBP     Great Britain Pond Cable
             CHF     Switzerland Franc Swissy
             CAD    Canada Dollar Loonie
             AUD    Australia Dollar Aussie
             NZD    New Zealand Dollar Kiwi
อักษรย่อของสกุลเงินจะเป็นอักษร 3 ตัว เสมอ 2 ตัวแรกบ่งถึงประเทศ ตัวสุดท้ายหรือตัวที่ 3 บ่งถึงชื่อสกุลเงินที่ประเทศนั้นใช้
เมื่อไหร่ที่สกุลเงินถูกทำการเทรด ?
Spot FX market หริอ ตลาดสปอต เป็นเอกลักษณ์ในตลาดโลก เหมือนซุปเปอร์มาเก็ต ที่เปิดตลาด 24 ชั่วโมงต่อวัน ศูนย์การเงินเปิดให้บริการทุกที่ ทุกเวลา ทั่วโลก ธนาคาร และ สถาบันการเงิน สำหรับบริการทั้งวันทั้งคืนอาจหยุดเพียงชั่วขณะช่วงสุดสัปดาห์
ตลาดแลก เปลี่ยนเงินตราหมุนตามดวงอาทิตย์รอบโลก ซึ่งคุณสามารถเทรดได้ในเวลากลางคืน (หากว่าคุณใกล้เคียงมนุษย์ค้างคาว) หรือ ช่วงเช้าตรู่ (ถ้าคุณชอบหากินดั่งนก) แต่ควรตระหนักไว้หน่อยว่า นกไม่จำเป็นต้องจับหนอนได้เสมอไป ในตลาดเทรด คุณอาจได้หนอนมาเหมือนกัน แต่เจ้านกสกปรกตัวใหญ่กว่าอาจฉกหนอนของคุณต่ออีกทีก็ได้
ช่วงเวลา นิวยอร์ค เวลาโลก
      โตเกียว   เปิด 7:00 pm. 0:00
      โตเกียว    ปิด 4:00 am. 9:00
     ลอนดอน  เปิด 3:00 am. 8:00
     ลอนดอน   ปิด 12:00 pm. 17:00
     นิวยอร์ค    เปิด 8:00 am. 13:00
     นิวยอร์ค    ปิด 5:00 pm. 22:00
ตลาด ฟอร์เร็กซ์ (OTC) over the counter
ฟอร์เร็กซ์ OTC ว่าไปแล้วเป็นตลาดเทรดเงิน ที่ใหญ่และป๊อปปูล่าที่สุดในโลก !!!
ทำ การเทรดโดยบุคล และ องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ในตลาด หน้าเค้าเตอร์ (OTC) สมาชิกผู้เทรดตัดสินใจว่าจะเทรดสกุลเงินไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความน่าเชื่อถือ ของราคา และประวัติ ของสุกลนั้นต่ออีกสกุลหนึ่ง
ผัง แสดงค่านิยม ของผู้เทรด ต่อสกุลเงิน แสดงว่า เงินดอล์ล เป็นเจ้าศูนย์กลางแห่งการเทรดของบรรดานักเทรดทั่วโลกถึง 89%ของการเทรดทั้งหมด ยูโรมาเป็นที่สอง และญี่ปุ่นมาเป็นที่สาม
ทำไมไม่ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ มาเทรดฟอร์เร็กซ์ทำไม?
   - มี ผลประโยชน์นานับประการสำหรับการเทรดฟอร์เร็กซ์ ด้านล่างนี้เป็นเพียงเหตุผลบางส่วนที่ ทำไมคนส่วนใหญ่เลือกเทรด ฟอร์เร็กซ์ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ไม่มีค่าเคลียริ่ง ไม่มีค่าแลกเปลี่ยน ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ได้ค่าตอบแทนจาก อัตราค่าต่างของราคาเสนอซื้อกับราคาเสนอขาย ที่เรียกว่า bid-ask spread
    -ไม่มีพ่อค้าคนกลาง การเทรดผ่านตลาดสปอต ทำให้ไม่สามารถมีพ่อค้าคนกลาง โดยที่คุณสามารถเทรดโดยตรงกับตลาดที่รับผิดชอบตามราคาที่กำหนดในชาร์ตอัตรา แลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน
    -ไม่จำกัดขนาดของล๊อต ในตลาดเทรดปัจจุบัน ขนาดของล๊อตมีขนาดต่างกัน ขนาดแสตนดาร์ด สำหรับเทรดซิลเวอร์คือ น้ำหนัก 5,000 ออนซ์ ในตลาดสปอตฟอร์เร็กซ์ คุณสามารถเลือกขนาดล๊อตได้เอง ทำให้ผู้เทรดสามารถเลือกล๊อตขนาดเล็กถึง 250 เหรียญ (อย่างไรก็ตามเราจะพูดถึงอีกทีว่า ขนาดล๊อต 250 เหรียญไม่ใช่ว่าดี)
    -ค่าเสปรดต่ำ ค่ารายการบัญชี (bid/ask spread) โดยทั่วไปจะต่ำกว่า 0.1 % ในสภาวะปกติ ดีลเลอร์ใหญ่ค่าเสปรดอาจต่ำเพียง .07% โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับขนาดของล๊อตที่คุณเลือก เราจะอธิบายในภายหลัง
    -ตลาด 24 ชั่วโมง ไม่มีการที่จะต้องรอที่ทำการเปิด จากเช้าตรู่วันจันทร์ยันเช้าตรู่วันศุกร์ตามเวลาบ้านเรา ตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่เคยหลับ ถ้าคุณเทรดพาร์ทไทม์ คุณสามารถเลือกที่จะ เทรด เวลาไหนก็ได้ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือ ขณะที่คนอื่นกำลังฝันหวาน
    -ไม่สามารถปั่นตลาดได้ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหรถึกมากจนไม่มีเศรษฐีหรือองค์กรไหน ๆ (แม้กระทั่วเซนทรัลแบงค์) ก็ตาม สามารถที่จะตรึงราคาของสกุลเงินใด ๆ ไว้ได้เกินชั่วขณะ
    -Levelage เลเวลเลจ ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ คือจำนวนมาร์ยิน หรือเครดิทที่คุณจะได้จากดีลเลอร์ เลเวลเลจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถทำกำไรให้คุณได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ให้เลเวลเลจคุณในอัตรา 200 ต่ด 1 นั่นหมายความว่าคุณวางเงินเพียง 50 ดอล์ล คุณสามารถเทรดหรือซื้อขายได้ถึง 10,000 ดอล์ล ในทำนองเดียวกัน 500 เหรียญ ก็สามารถเทรดถึง 100,000 เหรียญ ตามสัดส่วน แต่เลเวลเลจ ก็คือดาบสองคมเช่นกัน หากปราศจากการจัดการเงินที่ดี อัตราเลเวลเลจที่สูงเกินอาจทำให้เสียหายมากพอกับที่จะได้กำไรเช่นกัน
    -แหล่งเงินที่คล่องตัวที่สุด เหตุที่ฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหราฬมาก มันมีความคล่องของการหมุนเวียนเงินเช่นกัน นั่นหมายความว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากการแค่คลิ๊กเมาซ์ที่ปลายนิ้ว สามารถซื้อหรือขายได้ทันที คุณไม่ต้องรอจนกว่าจะมีคู่ซื้อเหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา ที่บางครั้งต้องเทขายด่วนที่สุดแต่หาคนซื้อไม่ได้ เพราะมีแต่คนเทขาย อิอิ… นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งกำหนดการซื้อการขายบนหน้าจอ ตามราคาที่คุณต้องการและ ระบุราคาปิด หรือตั้งราคาจำกัดการขาดทุนได้อีกด้วย
    -เปิดบัญชี ดีโม ทดลองเล่นในสภาวะตลาดแท้จริงได้ฟรี มีข่าว ราคา และการวิเคราห์ พร้อมบนหน้าจอมอนนิเตอร์ในห้องทำงานหรือในบ้านอันสุขสบายของคุณ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ เสนอฟรีให้ท่านสามารถทดลองเทรดเหมือนจริง เพื่อเพิ่มทักษะ และความมั่นใจ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนและเทรดด้วยเงินแท้ ๆ
    -บัญชีเทรด Mini และ Micro คุณอาจจะคิดว่าถ้าจะเริ่มเข้าเทรด อาจต้องใช้เงินเป็นตัน ความจริงแล้ว ถ้าเทียบกับการซื้อหุ้นอุตสาหกรรม ไม่ใช่เลย โบรกเกอร์ ออนไลน์ ของฟอร์เร็กซ์ มีการเสนอ บัญชี Micro และ Mini สำหรับผู้มีเบี้ยน้อยเงินน้อย ไม่กี่เหรียญก็เข้าเทรดได้ เราไม่ได้พูดว่าจะต้องมีเงินอย่างต่ำเท่าไหร่จึงสมควรที่จะเปิดบัญชเทรด แต่ข้อเสนอนี้ทำให้ ฟอร์เร็กซ์ สามารถเข้าถึงได้จากคนทั่วไปหรือจนกว่าทั่วไปซะอีก ที่ไม่มีเงินทุนเป็นก้อนเป็นกำที่จะเริ่มเทรด เหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา
ต้องมีเครื่องมืออะไรในการเริ่มเทรดฟอร์เร็กซ์?
คอมพิวเตอร์ ซักเครื่องพร้อมไฮสปีดอินเตอร์เนท ซึ่งแทบทุกบ้านก็คงมีอยู่พร้อมแล้ว และข้อมูลในเวป แค่นั้นเอง
แค่นี้เราก็ สามารถเป็นนักเทรด ได้แล้ว ที่เหลือ หาข้อมูลตามบอร์ ต่างๆ การเข้าซื้อ ขาย การทำกำไรแบบยั่งยืน ข้อมุลส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นักลงทุนเรียนรู้เอาเองและนำมาประยุกต์ใช้ แล้วต่อตัวบุคคล





Currency

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments




Currency
คำว่า currency คือ “ค่าเงิน” ต่างๆนั้นเอง เช่น ค่าเงินดอลล่าร์ ค่าเงินบาท ค่าเงินเยน ซึ่งเมื่ออยู่ในรูปแบบการเทรด forex เรามักเรียกสิ่งนี้ว่า currency คุณสามารถพบ currency ได้ในทุกๆโบรกเกอร์ที่มีการเปิดให้คุณทำการเทรด forex และการเปิดบัญชี แต่ละประเภทก็ส่งผลให้คุณนั้นเทรด currency ได้แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน โดยปกติ บัญชีขนาดเล็ก มักจะมีการการเทรดคู่เงิน currency ที่น้อยกว่า และมีค่า สเปรดที่มากกว่าด้วย
ตัวอย่าง currency ที่นิยมในการเทรด forex
สำหรับ currency ที่นิยมนำมาเทรดกันนั้นมีหลายๆ currency ได้แก่


Currency USD
จริงๆแล้ว ค่าเงิน USD ถือเป็นค่าเงินหลักที่ใช้ในการประกบคู่เทรด currency กันเลยทีเดียว และที่สำคัญหากคุณเลือกชุดค่าเงินนี้ จะพบว่ามีค่า สเปรดที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้คุณสามารถทำกำได้มากกว่าการเลือก currency อื่นๆเพื่อทำการเทรด forex

Currency JPY
ค่าเงิน JPY หรือค่าเงินเยน นั้น ถือเป็นอีกค่าเงินหนึ่งที่มีการเทรด currency มากที่สุด และมีช่วงของค่าสเปรดต่ำสุดในเวลาที่มีการเปิดตลาด forex เช่นเดียวกัน ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกค่าเงินนี้เพื่อนำมาใช้ในการเทรดได้ และผมค่อนข้างแนะนำคุณเสียด้วยสิ เพราะว่าผมมักเทรด currency ของ JPY แล้วทำกำไรได้มาก


Currency อื่นๆที่น่าสนใจ
นอกจากที่ยกตัวอย่างไปสอง currency ข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายๆcurrency รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่า e currency อีกด้วยซึ่งหมายถึงค่าเงินดิจิตอลทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Bitcoin (BTC), Litecoin (LTC), Dogecoin (DOGE) เป็นต้น ซึ่งสามารถเทรดกันได้แบบตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดวันพักของตลาดเลยทีเดียว หากคุณต้องการศึกษาเรื่องของการเทรดค่าเงิน e currency ลองเลือกใช้เว็บไซต์อย่าง coinligy.com เป็นแนวทางในการศึกษาและเลือกใช้เครื่องมือประกอบการเทรดได้ครับ
เกร็ดความรู้เพื่อทำเงินของ currency

1.การเทรดค่าเงินบาท ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับความนิยมใน forex
ผมเชื่อว่า คนใหม่ๆ เมื่อเข้ามาในตลาด อาจจะมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นอยากเทรดค่าเงินบาท ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้นะครับ เพราะว่าค่าเงินบาทเป็นตลาดที่แทบไม่ได้รับความนิยมอะไรเลยในการเทรด forex ส่งผลให้มีค่าสเปรดที่สูงมาก จนคุณต้องเบือนหน้าหนีเลยทีเดียว
2.จงเลือกเทรดในช่วงที่ตลาดใหญ่เปิด
ผมอยากให้คุณนั้นเลือกเทรด currency ในช่วงที่ตลาดใหญ่ทำการเปิดเท่านั้น เพราะว่าหากคุณไปเลือกช่วงเวลาที่มีการแกว่งตัวของกราฟน้อยแล้ว แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆนะครับ ผมว่าเน้นช่วงที่ตลาดเปิด ให้กราฟมีการสวิงตัวแรงๆจะดีกว่ามากๆ










วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การวิเคราะห์แนวโน้ม

Posted by with No comments


เราจำเป็นต้องวิเคราะห์ทางเทคนิค
           บ่อยครั้งที่ผมมักจะเจอคำถามประมาณนี้ว่า ทำไรเราต้องไปสนใจกับราคาหุ้นที่มันผันผวนตามอารมณ์ตลาดและปัจจัยระยะสั้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนไม่ได้ส่งผลระยะยาวต่อตัวธุรกิจเลยแม้แต่น้อย เหตุผลของผมง่ายนิดเดียวครับ ราคาหุ้นนั้นเคลื่อนที่ตามอุปสงค์ และอุปทานของการตลาด บางทีราคาก็สูงจนเกินพื้นฐานอันเกิดจากแรงเก็งกำไรที่คาดหวังในอนาคต หรือบางที่ราคาก็ต่ำเตี้ยติดดินเนื่องจากตื่นตระหนกจนเกิดเหตุดังนั้นถึงแม้เราจะเลือกหุ้นที่ดีมาได้แล้ว แต่การหาจังหวะเวลาเข้าซื้อก็เป็นสิ่งสำคัญ การซื้อหุ้นได้ในราคาถูกย่อมหมายถึงเงินจำนวนเท่าเดิมแต่ซื้อหุ้นได้มากกว่า และที่สำคัญผลกำไรก็เพิ่มมากขั้นด้วย และในขณะเดียวกันการหาจังหวะขายหุ้นที่ดีได้นั้น ย่อมทำให้เราได้รับผลกำไรที่ดีตามมา
     ขั้นที่ 1 มองแนวโน้มให้ออกก่อน
               หลักการมองแนวโน้ม เริ่มจากการมองเทรนให้ออกก่อนเสมอ เทรนในตลาด จะมีแค่ 3 แบบ
     Up Trend แบบขาขึ้น จะวิ่งขึ้นอย่างเดียว (เหมาะกับการเข้าเทรด)
     Down Trend แบบขาลงจะวิ่งลงอย่างเดียว (เหมาะกับการเข้าเทรด)
     Sideway Trend แบบขนาน เคลื่อนตัวไปทางด้านข้าง แบบฟันปลา ขึ้นๆลงๆ พูดง่ายๆกราฟวิ่งไม่สวย ไม่มีแนวโน้ม (ตลาดช่วงนี้ นักลงทุนมักจะขาดทุนเสมอๆ)
     Sideway แยกออกได้เป็น sidewayในช่วง(พักตัว)เทรนขาขึ้น sidewayในช่วง(พักตัว)เทรนขาลง

   
Up Trend
                                                           

Down Trend 

Sideway 

     เมื่อมองแนวโน้มแล้วรู้ว่าแบบนี้คือ ขึ้น ลง ด้านข้างแล้ว ต่อมาก็มาเรียนรู้ การเริ่มสร้างแน้วโน้ม
      แนวโน้มขาขึ้น Up Trend —>จะขึ้นแบบค่อยๆขึ้นไปก่อนแล้ว พักตัว(เราเรียกว่า HL) แล้วขึ้นไปต่อทำแนวโน้มสูงขึ้น (เราเรียกว่า HH )
      แนวโน้มขาลง Down Trend —–>จะลงแบบค่อยๆลงไปก่อนแล้ว พักตัว(เราเรียกว่า LH) แล้วลงไปต่อทำแนวโน้มต่ำลง (เราเรียกว่า LL )

                 H = High
                 L = Low
    



  





















วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

การใช้ Metatrader4 Windows

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments





วิธีใช้ MT4 บน MS Windows

       เปิดโปรแกรมขึ้นมาจะมีหน้าตาแบบนี้

Market Watch พื้นที่ตรงหมายเลข 1
จะแสดง คู่เงิน ราคา Bid Ask และ Spreadถ้าไม่มีให้เอา mouse ไป click ที่เมนู View เลือก Market Watch หรือ กด Ctrl+M
Navigator พื้นที่ตรงหมายเลข 2
เป็นรายละเอียด เกียวกับ Trading Server, Account No, Indicators, EA และ Scripts ถ้าส่วนนี้หายไปให้เอา mouse ไป click ที่เมนู View เลือก Navigator หรือ กด Ctrl+N

Terminal พื้นที่ตรงหมายเลข 3
จะแสดง หุ้นที่กำลังเทรดอยู่ ยอดเงินที่เรามี ประวัติการเทรด ถ้าไม่มีให้เอา mouse ไป click ที่เมนู View เลือก Market Watch หรือ กด Ctrl+TTab Trade แสดงรายการเทรดที่ยังไม่ได้เป็น order
Tab Trade แสดงรายการเทรดที่ยังไม่ได้เป็น order
 

Balance คือ เงินในบัญชีเทรดทั้งหมด
Equity    คือ เงินที่มีอยู่จริงที่ปิดทุก order ราคาหุ้นตอนนั้น
           Equity = Balance + Floating Profit/Loss
           261,793.88 = 261,800.21 -6.33(Loss)
Margin   คือ เงินประกันในการซื้อหุ้น ในภาพเราเปิดorder Buy หุ้น CHFJPY จำนวน(Size) 0.32 Lot  ต้องวางเงินประกัน 32.59$
           Free Margin = Equity – Margin
           261,761.29 = 261,793.88 – 32.59
ถ้า Free Margin เราลงมากอาจโดนบังคับปิดorderอัตโนมัติ
Margin Level คือ อัตราส่วนระหว่าง equity ต่อ margin
            Margin Level = (Equity / Margin) x 100
ถือ ว่าเป็นอัตราส่วนสำคัญที่เราต้องดู โดยทั่วไปแล้ว โบรคเกอร์จะกำหนดไว้ที่ 100% ถ้า Margin Level เหลือต่ำกว่า 100% ก็จะ Margin Call คือ ให้เพิ่มทุนเข้าไปในบัญชีหุ้นเรา ถ้าเราไม่สามารถเพิ่มได้ ก็จะโดน force sell โดยเริ่มปิด Order ใหญ่ก่อน
Tab Account History ให้เราได้เห็นรายการกำไรขาดทุน (Profit/Loss) แต่ละ order ที่เราได้ปิดเรียบร้อยแล้ว
              ก็จะมี กราฟ คู่เงินนั้นแสดงขึ้นมา จากนั้นมา Set ค่าเพิ่มเติม
    เปลี่ยน รูปแบบกราฟราคา ย่อ ขยาย เพิ่มพื้นที่ด้านข้างของกราฟ กดที่ icon กรอบ ตามรูปด้านล่าง จะอยู่ในส่วน    ด้าน บนของโปรแกรม MT4


  วิธีเลือกรูปแบบกราฟ
        Bar Charts กด ALT+1
        Candlesticks กด ALT+2
        Line Charts กด ALT+

  วิธีเลือก  Time Frame


เลือกได้โดยกด click รูปด้านบน จะอยู่ในส่วนด้านบนของโปรแกรม MT4
M5 คือ Time Frame 5 นาที  ในแท่งราคา จะแสดงราคา 5 นาทีใน 1 แท่งราคา
H1 คือ Time Frame 1 ชั่วโมง
D1 คือ Time Frame 1 วัน
W1 คือ Time Frame 1 สัปดาห์
ยิ่งเราใช้ Time Frame ใหญ่ จะลดความผันผวน ราคาได้มาก เห็น แนวโน้มราคาทีชัดเจนกว่า

วิธีปิด Chart Windows

คลิกขวาที แทปหุ้น(คู่เงิน) ด้านล่าง เลือก Close หรือ กด Ctrl + F4

วิธี เปิดให้แสดง เส้น Ask line บน MT4

คลิกขวาที่กราฟ หรือ กด F8
 เลือกไปที่ แทป ทั่วไป —>ติกถูกที่ แสดงเส้น Ask —> คลิก OK
 หลังจาก ตั้งค่าเส้น Ask Line เสร็จ บน กราฟ จะมี เส้นสีแดงเพิ่มเติม คือ เส้น Ask line
 ทำกำไรหุ้นขาขึ้น
    เวลาซื้อหุ้นจะซื้อที่ราคา เส้น Ask line จะ Take Profit ต้องให้ เส้นสีขาว ไปทับจุด Take     Profit ถึงจะปิด Order
ทำกำไรหุ้นขาลง
    เวลาขายหุ้นจะขายที่ราคาเส้นสีขาว จะ Take Profit ต้องให้ เส้นสีแดง (Ask line) ไปทุบจุด     Take Profit ถึงจะปิด Order
    ส่วนต่างของราคา ทั้ง 2 เส้น คือ ค่า Spread  ยิ่งน้อยยิ่งดี มีโอกาสปิด กำไรหุ้น เร็ว
เทคนิค: ก่อน เล่นหุ้น(เทรดหุ้น) ให้ ดูหุ้น ทีมีค่า Spread ต่ำ หรือ ดูทีความห่างของทั้ง 2 เส้น จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
 วิธีการซื้อขายหุ้น บน MT4
ปุ่ม One Click Trading เปิดใช้โดย กด ALT+T ถ้าต้องการซ่อน ก็กด ALT+T อีกที
 Lot แก้ไขตัวเลขได้ โดยกดลูกศรเล็กๆขึ้นลง หรือ คลิกที่เลขเพื่อแก้จำนวน Lot โดย Lot เริ่มต้นที่ 0.01
Short Sell ทำกำไรหุ้นขาลง
กดปุ่ม Sell เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นจะเข้าสู่ขาลง เราต้องการทำกำไรขาลง
Buy Long ทำกำไรหุ้นขาขี้น
กดปุ่ม Buy เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นจะเข้าสู่ขาขึ้น เราต้องการทำกำไรขาขึ้น
ก่อนกดปุ่มส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น ต้องดู Lot และ คู่เงิน ได้ดี
ปู่ม คำสั่งใหม่ คลิกที่ปุ่ม หรือ กด F9

 จะมีหน้าจอแบบด้านล่าง ให้เลือกรายละเอียดเพิ่มเติม

กดปุ่ม ขายที่ราคาตลาด เมือคุณต้องการขายหุ้น ทำกำไรขาลง
กดปุ่ม ซื้อที่ราคาตลาด เมือคุณต้องการซื้อหุ้น ทำกำไรขาขึ้น
ก่อนกดปุ่มตรวจรายละเอียดให้ดีก่อน
สัญลักษณ์ : หุ้นที่เราต้องการเปิด order
Volume: จำนวน Lot ที่ต้องการเปิด order ขั้นต่ำ 0.01
Stop Loss(S/L) : ตั้งเลขราคาหุ้น เมือถึงราคาที่กำหนด ให้ หยุดขาดทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเกินไป ปิดรายการ
Take Profit(T/P): ตั้งเลขราคาหุ้น เมือถึงราคาที่กำหนด ให้ปิดรายการ เพื่อการทำกำไร


วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

โปรแกรม MetaTrader 4

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments





Meta trader 4
      คือโปรแกรมที่ช่วยในการเทรด forex ด้วยการออกแบบ Interface ที่สวยงามน่าใช้งาน พร้อมทั้งการใช้งานที่ง่าย จึงทำให้โปรแกรมนี้กลายเป็นที่ยอมรับ และมีการใช้งานทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ความเจริญก้าวหน้าของ Internet ในปัจจุบัน ส่งผลให้การทำธุรกรรมการเงินต่างๆ มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น จากเมื่อก่อนต้องเสียเวลาดำเนินการด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปด้วยตัวเอง หรือว่าพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ ภาพเก่าๆเหล่านี้มันจะเริ่มลบเลือนลงไปทุกที ตลาด Forex ก็เช่นเดียวกัน Internet เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแทบจะ 100% เลยก็ว่าได้ นักเทรด Forex สามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านทางโปรแกรมสำหรับเทรด Forex ได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก
     โปรแกรม Metatrader คือ โปรแกรมที่ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในการซื้อขายสินค้าทางการเงิน ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อาทิเช่น Forex หุ้น อนุพันธ์ ทองคำ และอื่นๆอีกมากมาย โดยผู้พัฒนาโปรแกรม Metatrader คือบริษัท MetaQuotes Software Corp ซึ่งเป็นบริษัทแนวหน้าลำดับต้นๆ ในการผลิตซอฟแวร์ประเภทการเงิน ในปัจจุบันจะพบเห็นการใช้งานกันอยู่สองเวอร์ชั่น คือ Metatrader 4 (MT4) และ Metatrader 5 (MT5)
     อ้อ…ถ้าจะเทรดกับโบรกเกอร์ไหนให้ไปโหลดโปรแกรมจากหน้าเว็บของโบรกเกอร์นั้นมาใช้นะครับ เพราะโบรกเกอร์แต่ละตัวโบรกก็ใช้ MT4 ที่มีอ๊อฟชั่นแตกต่างกันไป โดยจะสัมพันธ์กับโบรกเกอร์นั้นๆ แต่ว่าลักษณะโดยรวมจะเหมือนกันครับ
 
 
 
 

 
 

ความน่าใช้ของ MetaTrader 4


1.Interface สวยงามใช้งานง่าย
จุดเด่นประการแรกคือการออกแบบโปรแกรม MT4 ให้มีหน้าตาที่สวยงาม ให้ความรู้สึกของความเป็นมืออาชีพในการเทรด ทำให้ผู้เทรด forex มองเห็นว่างานเทรด forex ก็สามารถยึดหรือดำเนินการออกมาเป็นอาชีพได้ครับ MT4 ใช้งานง่ายมาก สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก
นอกจากนี้ MT4 ยังสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาของโปรแกรม ให้เป็นไปตามลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด เส้นกราฟ และอื่นๆ
2.สามารถติดตั้งบน CPU ได้
MT4 สามารถติดตั้งบน PC ได้โดยตรง โดยที่เมื่อคุณต้องการเทรด forex คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเว็บบราวเซอร์ขึ้นมาแต่อย่างใด เพียงแค่คุณนั้นเปิดโปรแกรม MT4 และทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเทรด forex ครับ
3.สามารถติดตั้งและใช้งานบนมือถือได้
นอกจากนี้การเทรด forex บนมือถือยังสามารถทำได้อย่างง่ายๆด้วยโปรแกรม MT4 ที่รองรับการติดตั้งบนมือถือทั้งในระบบ Android หรือระบบ IOS และมีหน้าตาของการใช้งานที่ง่ายเหมาะสมกับรูปแบบการแสดงผลบนมือถือ แม้ว่าการใส่อินดี้อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าบนเครื่อง PC ก็ตาม
4.น้ำหนักเบา ไม่กินทรัพยากรของเครื่อง
ด้วยความที่โปรแกรมมีขนาดไฟล์ที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่กินทรัพยากรของเครื่อง ทำให้ไม่เกิดอาการ Hang ของโปรแกรม และไม่ว่าเครื่องคุณจะเร็ว หรือช้าแค่ไหน ก็สามารถติดตั้งโปรแกรม MT4 ได้อย่างแน่นอน และไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
5.มีอินดี้ให้เลือกใช้มากมาย
จุดเด่นอีกประการของโปรแกรม MT4 คือมีอินดี้มากกว่า 400 ตัวในโปรแกรมแบบออนไลน์ที่ให้คุณนั้นเลือกมาเพื่อทำการติดตั้ง รวมทั้งการทดสอบอินดี้ที่คุณนั้นอาจเป็นผู้ทำการออกแบบด้วยตนเองอีกด้วย
ทั้งนี้จะมี Indicator (อินดิเคเตอร์) ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวโปรแกรมมากกว่า 30 ตัว ให้ได้เลือกใช้งานกัน อาทิเช่น Moving Average , Bollinger Bands , Parabolic SAR , Relative Strength Index, MACD และ Stochastic Oscillator เป็นต้น
6. เลือกได้ 9 Time Frame
สามารถเลือก Time Frame หรือ ช่วงเวลาการแสดงผลของราคาอัตราแลกเปลี่ยนของกราฟ ได้ถึง 9 Time Frame คือ 5 นาที , 15 นาที , 30 นาที , 1 ชั่วโมง , 4 ชั่วโมง , รายวัน , รายสัปดาห์ และ รายเดือน โดยจะเทรดแบบช่วงสั้นหรือช่วงยาวก็เลือกได้ตามใจชอบครับ
7.สามารถเลือกการแสดงกราฟได้ถึง 3 แบบ
เราสามารถเลือกการแสดงลักษณะของกราฟราคาอัตราแลกเปลี่ยนได้ถึง 3 แบบ คือ กราฟเส้น (Line Chart), กราฟแท่ง (Bar Chart) และกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ตามความถนัดของแต่ละคน
8.สามารถแสดงหน้าต่างการเทรดหลายๆคู่ค่าเงินไปพร้อมๆ กันได้
สำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่ชอบเทรดมากกว่า 1 คู่สกุลเงิน คงจะชอบฟังก์ชั่นนี้อย่างมากแน่นอนครับ
9.รองรับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL
เราสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL เพื่อสร้าง EA (Expert Advisor หรือ ระบบเทรดแบบอัตโนมัติ) ซึ่งสามารถให้เราทำงานร่วมกับ Metatrader ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นครับ

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

การเทรดของผม

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments






         Garfied  Garbinpong


          โดย ส่วนตัวแล้ว ผมชอบเทรดแบบ การอ่านแท่งเทียน ดูแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่ง ตีเทรน และแนวโน้มของตลาด การใช้ อินดิเคเตอร์ ผมไม่ค่อยชอบ เพราะใช้แล้วยากนักที่จะบ่งบอกทิศทางตลาดได้อย่างแม่นยำ มิหน่ำซ้ำ รกหน้าจอ 55555
    จริงๆแล้วอินเคเตอร์ก็ได้ผลดีสำหรับผู้ที่รู้จักพลิกแพลง ใช้ตัวโน้นตัวนี้ร่วมกัน หรือใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเขาเปิด ออเดอร์ ผมเองก็ใช้เป็นบางตัวบางครั้ง แต่ ที่ชอบการ อ่านแท่งเทียน ก็เพราะมีความรู้สึกว่าถนัดและค่อนข้างจะได้ผลสำหรับตัวผม นักเทรดทุกคนต้องหากลยุทธ์ในการเทรดที่เหมาะกับตัวให้ได้ เพราะผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่ในตลาด Forex ได้.

การเริ่มต้นสำหรับผู้ที่จะเทรด Forex

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments





วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

RSI

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments




RSI เรียกเต็มๆว่า Relative Strength Index
เป็นเครื่องมือบอกถึงความแข็งแกร่งและบอกการเกิดแนวโน้ม
บอกการเกิด Overbought (อิ่มตัวขาขึ้น) , Oversold (อิ่มตัวขาลง)
บอกการเกิด Divergence ได้เช่นกัน
Rsi เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้กันมากเช่นกัน
โดยจะแนะนำให้ใช้ค่าเดิม Rsi(14)
การดูเส้น Rsi ดูที่ระดับ 30 กับ 70
ต่ำกว่าเส้น 30 คืออยู่ในเขต Oversold ช่วงอิ่มตัวขาลงเป็นช่วงแรงขายมาก
แต่บางครั้งถ้าเทรนแนวโน้มยังคงเป็นขาลงก็ยังไม่สามารถซื้อได้ถ้าเทรนยังลงอยู่
เหนือกว่าเส้น 70 คืออยู่ในเขต Overbought ช่วงอิ่มตัวขาขึ้นเป็นช่วงแรงซื้อมาก
แต่บางครั้งถ้าเทรนแนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นก็ยังไม่สามารถขายได้ถ้าเทรนยังขึ้นอยู่
วิธีใช้ Rsi
ให้มอง กราฟเป็นตัวนำเสมอๆ คือมองแนวโน้มให้ออกก่อน (ไม่ควรใช้ตอน Sideway)
Rsi (เป็นตัวรองเสมอๆ) แค่เป็นตัวช่วยตรวจสอบทิศทาง เพื่อยืนยันทิศทางที่ถูกต้อง
ควรมองกราฟให้ออกก่อนว่าแนวโน้มไปทิศทางเดียวกับ Rsi ถึงจะใช้ Rsi ช่วยยืนยันทิศทางที่ถูกต้อง
ข้อเสียของ Rsi
ไม่เหมาะกับช่วงเกิด Sideway
บางครั้งจะเกิดสัญญาณหลอกเกิดขึ้น
อย่าใช้ Indicator นำการเข้าเทรด ซื้อ ขาย เด็ดขาด (สัญญาณหลอกมีเยอะ)

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

การอ่านกราฟแท่งเทียน

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments
ประวัติความเป็นมาของกราฟแท่งเทียน
การวิเคราะห์เชิงเทคนิคโดยอาศัยกราฟแท่งเทียนนั้น เจ้าของตำรับที่แท้จริงคือชาวญี่ปุ่น เขาคือ Mr.Munehisa Homma ซึ่งมีความเป็นมาคือ

เมื่อครั้งก่อนในสมัยอดีตช่วงประมาณ 200 กว่าปี ท่านได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวประสบความสำเร็จ จนร่ำรวย รัฐบาลญี่ปุ่นสมัยนั้นจึงได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นที่ปรึกษาด้านการคลัง โดยท่าน Munehisa Homma เกิดในปี 1724 ในครอบครัวที่ร่ำรวยและทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าว เขามีความเชี่ยวชาญเรื่องการค้าข้าวเป็นอย่างยิ่ง มีความเข้าใจในตลาด เข้าถึงและรู้ซึ้งในอารมณ์ของผู้ซื้อเป็นอย่างดี  ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล นิสัยของผู้ซื้อ-ผู้ขายในแต่ล่ะครั้ง มาทำการวิจัยในเชิงจิตวิทยา แล้วกำหนดให้อยู่ในรูปแบบแท่งเทียน ทำการเก็บประว้ติและสติถิ จากนั้นนำไปคำนวนศึกษาหาแนวโน้มต่างๆ เพื่อประกอบในการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น
เหตุผลโดยสรุป ที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมนำกราฟแท่งเทียน (Candlesticks)มาวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค เพื่อช่วยในการติดสินใจคือ
  1. กราฟแท่งเทียน (Candlesticks) มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์เพื่อใช้สำหรับการซื้อขายเพราะ ประกอบไปด้วย ราคาเปิด (Open Price) , ราคาปิด (Close Price) , ราคาสูงสุด (High Price) , ราคาต่ำสุด (Low Price) โดยนำข้อมูลทั้งหมดมาสร้างเป็นกราฟแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว
  2. กราฟแท่งเทียน 1 แท่ง สามารถอธิบายอารมณ์และบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้เป็นอย่างดี
  3. กราฟแท่งเทียนสามารถบอกได้ว่าการซื้อขาย ณ ขณะนั้น ใครมีพลังมากกว่ากันระหว่าง กระทิงกับหมี หรืออีกในหนึ่งก็คือ มีแรงส่งไปทางขึ้นหรือลง นั่นเอง
  4. สามารถบอกได้ว่า ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป มีโอกาสที่กราฟจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง ซึ่งหมายความว่า ตัวกราฟแท่งเทียนสามารถอ่านสัญญาณซื้อขายได้ด้วยตัวของมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีดัชนีอื่นๆเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ซื้อขาย
รูปแบบกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะตรงกันข้าม 26 คู่ ที่ควรจดจำ
























.