วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

การใช้ Metatrader4 Windows

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments





วิธีใช้ MT4 บน MS Windows

       เปิดโปรแกรมขึ้นมาจะมีหน้าตาแบบนี้

Market Watch พื้นที่ตรงหมายเลข 1
จะแสดง คู่เงิน ราคา Bid Ask และ Spreadถ้าไม่มีให้เอา mouse ไป click ที่เมนู View เลือก Market Watch หรือ กด Ctrl+M
Navigator พื้นที่ตรงหมายเลข 2
เป็นรายละเอียด เกียวกับ Trading Server, Account No, Indicators, EA และ Scripts ถ้าส่วนนี้หายไปให้เอา mouse ไป click ที่เมนู View เลือก Navigator หรือ กด Ctrl+N

Terminal พื้นที่ตรงหมายเลข 3
จะแสดง หุ้นที่กำลังเทรดอยู่ ยอดเงินที่เรามี ประวัติการเทรด ถ้าไม่มีให้เอา mouse ไป click ที่เมนู View เลือก Market Watch หรือ กด Ctrl+TTab Trade แสดงรายการเทรดที่ยังไม่ได้เป็น order
Tab Trade แสดงรายการเทรดที่ยังไม่ได้เป็น order
 

Balance คือ เงินในบัญชีเทรดทั้งหมด
Equity    คือ เงินที่มีอยู่จริงที่ปิดทุก order ราคาหุ้นตอนนั้น
           Equity = Balance + Floating Profit/Loss
           261,793.88 = 261,800.21 -6.33(Loss)
Margin   คือ เงินประกันในการซื้อหุ้น ในภาพเราเปิดorder Buy หุ้น CHFJPY จำนวน(Size) 0.32 Lot  ต้องวางเงินประกัน 32.59$
           Free Margin = Equity – Margin
           261,761.29 = 261,793.88 – 32.59
ถ้า Free Margin เราลงมากอาจโดนบังคับปิดorderอัตโนมัติ
Margin Level คือ อัตราส่วนระหว่าง equity ต่อ margin
            Margin Level = (Equity / Margin) x 100
ถือ ว่าเป็นอัตราส่วนสำคัญที่เราต้องดู โดยทั่วไปแล้ว โบรคเกอร์จะกำหนดไว้ที่ 100% ถ้า Margin Level เหลือต่ำกว่า 100% ก็จะ Margin Call คือ ให้เพิ่มทุนเข้าไปในบัญชีหุ้นเรา ถ้าเราไม่สามารถเพิ่มได้ ก็จะโดน force sell โดยเริ่มปิด Order ใหญ่ก่อน
Tab Account History ให้เราได้เห็นรายการกำไรขาดทุน (Profit/Loss) แต่ละ order ที่เราได้ปิดเรียบร้อยแล้ว
              ก็จะมี กราฟ คู่เงินนั้นแสดงขึ้นมา จากนั้นมา Set ค่าเพิ่มเติม
    เปลี่ยน รูปแบบกราฟราคา ย่อ ขยาย เพิ่มพื้นที่ด้านข้างของกราฟ กดที่ icon กรอบ ตามรูปด้านล่าง จะอยู่ในส่วน    ด้าน บนของโปรแกรม MT4


  วิธีเลือกรูปแบบกราฟ
        Bar Charts กด ALT+1
        Candlesticks กด ALT+2
        Line Charts กด ALT+

  วิธีเลือก  Time Frame


เลือกได้โดยกด click รูปด้านบน จะอยู่ในส่วนด้านบนของโปรแกรม MT4
M5 คือ Time Frame 5 นาที  ในแท่งราคา จะแสดงราคา 5 นาทีใน 1 แท่งราคา
H1 คือ Time Frame 1 ชั่วโมง
D1 คือ Time Frame 1 วัน
W1 คือ Time Frame 1 สัปดาห์
ยิ่งเราใช้ Time Frame ใหญ่ จะลดความผันผวน ราคาได้มาก เห็น แนวโน้มราคาทีชัดเจนกว่า

วิธีปิด Chart Windows

คลิกขวาที แทปหุ้น(คู่เงิน) ด้านล่าง เลือก Close หรือ กด Ctrl + F4

วิธี เปิดให้แสดง เส้น Ask line บน MT4

คลิกขวาที่กราฟ หรือ กด F8
 เลือกไปที่ แทป ทั่วไป —>ติกถูกที่ แสดงเส้น Ask —> คลิก OK
 หลังจาก ตั้งค่าเส้น Ask Line เสร็จ บน กราฟ จะมี เส้นสีแดงเพิ่มเติม คือ เส้น Ask line
 ทำกำไรหุ้นขาขึ้น
    เวลาซื้อหุ้นจะซื้อที่ราคา เส้น Ask line จะ Take Profit ต้องให้ เส้นสีขาว ไปทับจุด Take     Profit ถึงจะปิด Order
ทำกำไรหุ้นขาลง
    เวลาขายหุ้นจะขายที่ราคาเส้นสีขาว จะ Take Profit ต้องให้ เส้นสีแดง (Ask line) ไปทุบจุด     Take Profit ถึงจะปิด Order
    ส่วนต่างของราคา ทั้ง 2 เส้น คือ ค่า Spread  ยิ่งน้อยยิ่งดี มีโอกาสปิด กำไรหุ้น เร็ว
เทคนิค: ก่อน เล่นหุ้น(เทรดหุ้น) ให้ ดูหุ้น ทีมีค่า Spread ต่ำ หรือ ดูทีความห่างของทั้ง 2 เส้น จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
 วิธีการซื้อขายหุ้น บน MT4
ปุ่ม One Click Trading เปิดใช้โดย กด ALT+T ถ้าต้องการซ่อน ก็กด ALT+T อีกที
 Lot แก้ไขตัวเลขได้ โดยกดลูกศรเล็กๆขึ้นลง หรือ คลิกที่เลขเพื่อแก้จำนวน Lot โดย Lot เริ่มต้นที่ 0.01
Short Sell ทำกำไรหุ้นขาลง
กดปุ่ม Sell เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นจะเข้าสู่ขาลง เราต้องการทำกำไรขาลง
Buy Long ทำกำไรหุ้นขาขี้น
กดปุ่ม Buy เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าหุ้นจะเข้าสู่ขาขึ้น เราต้องการทำกำไรขาขึ้น
ก่อนกดปุ่มส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น ต้องดู Lot และ คู่เงิน ได้ดี
ปู่ม คำสั่งใหม่ คลิกที่ปุ่ม หรือ กด F9

 จะมีหน้าจอแบบด้านล่าง ให้เลือกรายละเอียดเพิ่มเติม

กดปุ่ม ขายที่ราคาตลาด เมือคุณต้องการขายหุ้น ทำกำไรขาลง
กดปุ่ม ซื้อที่ราคาตลาด เมือคุณต้องการซื้อหุ้น ทำกำไรขาขึ้น
ก่อนกดปุ่มตรวจรายละเอียดให้ดีก่อน
สัญลักษณ์ : หุ้นที่เราต้องการเปิด order
Volume: จำนวน Lot ที่ต้องการเปิด order ขั้นต่ำ 0.01
Stop Loss(S/L) : ตั้งเลขราคาหุ้น เมือถึงราคาที่กำหนด ให้ หยุดขาดทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเกินไป ปิดรายการ
Take Profit(T/P): ตั้งเลขราคาหุ้น เมือถึงราคาที่กำหนด ให้ปิดรายการ เพื่อการทำกำไร


วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

โปรแกรม MetaTrader 4

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments





Meta trader 4
      คือโปรแกรมที่ช่วยในการเทรด forex ด้วยการออกแบบ Interface ที่สวยงามน่าใช้งาน พร้อมทั้งการใช้งานที่ง่าย จึงทำให้โปรแกรมนี้กลายเป็นที่ยอมรับ และมีการใช้งานทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ความเจริญก้าวหน้าของ Internet ในปัจจุบัน ส่งผลให้การทำธุรกรรมการเงินต่างๆ มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น จากเมื่อก่อนต้องเสียเวลาดำเนินการด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปด้วยตัวเอง หรือว่าพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ ภาพเก่าๆเหล่านี้มันจะเริ่มลบเลือนลงไปทุกที ตลาด Forex ก็เช่นเดียวกัน Internet เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแทบจะ 100% เลยก็ว่าได้ นักเทรด Forex สามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านทางโปรแกรมสำหรับเทรด Forex ได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก
     โปรแกรม Metatrader คือ โปรแกรมที่ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในการซื้อขายสินค้าทางการเงิน ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อาทิเช่น Forex หุ้น อนุพันธ์ ทองคำ และอื่นๆอีกมากมาย โดยผู้พัฒนาโปรแกรม Metatrader คือบริษัท MetaQuotes Software Corp ซึ่งเป็นบริษัทแนวหน้าลำดับต้นๆ ในการผลิตซอฟแวร์ประเภทการเงิน ในปัจจุบันจะพบเห็นการใช้งานกันอยู่สองเวอร์ชั่น คือ Metatrader 4 (MT4) และ Metatrader 5 (MT5)
     อ้อ…ถ้าจะเทรดกับโบรกเกอร์ไหนให้ไปโหลดโปรแกรมจากหน้าเว็บของโบรกเกอร์นั้นมาใช้นะครับ เพราะโบรกเกอร์แต่ละตัวโบรกก็ใช้ MT4 ที่มีอ๊อฟชั่นแตกต่างกันไป โดยจะสัมพันธ์กับโบรกเกอร์นั้นๆ แต่ว่าลักษณะโดยรวมจะเหมือนกันครับ
 
 
 
 

 
 

ความน่าใช้ของ MetaTrader 4


1.Interface สวยงามใช้งานง่าย
จุดเด่นประการแรกคือการออกแบบโปรแกรม MT4 ให้มีหน้าตาที่สวยงาม ให้ความรู้สึกของความเป็นมืออาชีพในการเทรด ทำให้ผู้เทรด forex มองเห็นว่างานเทรด forex ก็สามารถยึดหรือดำเนินการออกมาเป็นอาชีพได้ครับ MT4 ใช้งานง่ายมาก สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก
นอกจากนี้ MT4 ยังสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาของโปรแกรม ให้เป็นไปตามลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด เส้นกราฟ และอื่นๆ
2.สามารถติดตั้งบน CPU ได้
MT4 สามารถติดตั้งบน PC ได้โดยตรง โดยที่เมื่อคุณต้องการเทรด forex คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเว็บบราวเซอร์ขึ้นมาแต่อย่างใด เพียงแค่คุณนั้นเปิดโปรแกรม MT4 และทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเทรด forex ครับ
3.สามารถติดตั้งและใช้งานบนมือถือได้
นอกจากนี้การเทรด forex บนมือถือยังสามารถทำได้อย่างง่ายๆด้วยโปรแกรม MT4 ที่รองรับการติดตั้งบนมือถือทั้งในระบบ Android หรือระบบ IOS และมีหน้าตาของการใช้งานที่ง่ายเหมาะสมกับรูปแบบการแสดงผลบนมือถือ แม้ว่าการใส่อินดี้อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าบนเครื่อง PC ก็ตาม
4.น้ำหนักเบา ไม่กินทรัพยากรของเครื่อง
ด้วยความที่โปรแกรมมีขนาดไฟล์ที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่กินทรัพยากรของเครื่อง ทำให้ไม่เกิดอาการ Hang ของโปรแกรม และไม่ว่าเครื่องคุณจะเร็ว หรือช้าแค่ไหน ก็สามารถติดตั้งโปรแกรม MT4 ได้อย่างแน่นอน และไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
5.มีอินดี้ให้เลือกใช้มากมาย
จุดเด่นอีกประการของโปรแกรม MT4 คือมีอินดี้มากกว่า 400 ตัวในโปรแกรมแบบออนไลน์ที่ให้คุณนั้นเลือกมาเพื่อทำการติดตั้ง รวมทั้งการทดสอบอินดี้ที่คุณนั้นอาจเป็นผู้ทำการออกแบบด้วยตนเองอีกด้วย
ทั้งนี้จะมี Indicator (อินดิเคเตอร์) ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวโปรแกรมมากกว่า 30 ตัว ให้ได้เลือกใช้งานกัน อาทิเช่น Moving Average , Bollinger Bands , Parabolic SAR , Relative Strength Index, MACD และ Stochastic Oscillator เป็นต้น
6. เลือกได้ 9 Time Frame
สามารถเลือก Time Frame หรือ ช่วงเวลาการแสดงผลของราคาอัตราแลกเปลี่ยนของกราฟ ได้ถึง 9 Time Frame คือ 5 นาที , 15 นาที , 30 นาที , 1 ชั่วโมง , 4 ชั่วโมง , รายวัน , รายสัปดาห์ และ รายเดือน โดยจะเทรดแบบช่วงสั้นหรือช่วงยาวก็เลือกได้ตามใจชอบครับ
7.สามารถเลือกการแสดงกราฟได้ถึง 3 แบบ
เราสามารถเลือกการแสดงลักษณะของกราฟราคาอัตราแลกเปลี่ยนได้ถึง 3 แบบ คือ กราฟเส้น (Line Chart), กราฟแท่ง (Bar Chart) และกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ตามความถนัดของแต่ละคน
8.สามารถแสดงหน้าต่างการเทรดหลายๆคู่ค่าเงินไปพร้อมๆ กันได้
สำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่ชอบเทรดมากกว่า 1 คู่สกุลเงิน คงจะชอบฟังก์ชั่นนี้อย่างมากแน่นอนครับ
9.รองรับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL
เราสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL เพื่อสร้าง EA (Expert Advisor หรือ ระบบเทรดแบบอัตโนมัติ) ซึ่งสามารถให้เราทำงานร่วมกับ Metatrader ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นครับ

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

การเทรดของผม

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments






         Garfied  Garbinpong


          โดย ส่วนตัวแล้ว ผมชอบเทรดแบบ การอ่านแท่งเทียน ดูแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่ง ตีเทรน และแนวโน้มของตลาด การใช้ อินดิเคเตอร์ ผมไม่ค่อยชอบ เพราะใช้แล้วยากนักที่จะบ่งบอกทิศทางตลาดได้อย่างแม่นยำ มิหน่ำซ้ำ รกหน้าจอ 55555
    จริงๆแล้วอินเคเตอร์ก็ได้ผลดีสำหรับผู้ที่รู้จักพลิกแพลง ใช้ตัวโน้นตัวนี้ร่วมกัน หรือใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเขาเปิด ออเดอร์ ผมเองก็ใช้เป็นบางตัวบางครั้ง แต่ ที่ชอบการ อ่านแท่งเทียน ก็เพราะมีความรู้สึกว่าถนัดและค่อนข้างจะได้ผลสำหรับตัวผม นักเทรดทุกคนต้องหากลยุทธ์ในการเทรดที่เหมาะกับตัวให้ได้ เพราะผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่ในตลาด Forex ได้.

การเริ่มต้นสำหรับผู้ที่จะเทรด Forex

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments





วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

RSI

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments




RSI เรียกเต็มๆว่า Relative Strength Index
เป็นเครื่องมือบอกถึงความแข็งแกร่งและบอกการเกิดแนวโน้ม
บอกการเกิด Overbought (อิ่มตัวขาขึ้น) , Oversold (อิ่มตัวขาลง)
บอกการเกิด Divergence ได้เช่นกัน
Rsi เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้กันมากเช่นกัน
โดยจะแนะนำให้ใช้ค่าเดิม Rsi(14)
การดูเส้น Rsi ดูที่ระดับ 30 กับ 70
ต่ำกว่าเส้น 30 คืออยู่ในเขต Oversold ช่วงอิ่มตัวขาลงเป็นช่วงแรงขายมาก
แต่บางครั้งถ้าเทรนแนวโน้มยังคงเป็นขาลงก็ยังไม่สามารถซื้อได้ถ้าเทรนยังลงอยู่
เหนือกว่าเส้น 70 คืออยู่ในเขต Overbought ช่วงอิ่มตัวขาขึ้นเป็นช่วงแรงซื้อมาก
แต่บางครั้งถ้าเทรนแนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นก็ยังไม่สามารถขายได้ถ้าเทรนยังขึ้นอยู่
วิธีใช้ Rsi
ให้มอง กราฟเป็นตัวนำเสมอๆ คือมองแนวโน้มให้ออกก่อน (ไม่ควรใช้ตอน Sideway)
Rsi (เป็นตัวรองเสมอๆ) แค่เป็นตัวช่วยตรวจสอบทิศทาง เพื่อยืนยันทิศทางที่ถูกต้อง
ควรมองกราฟให้ออกก่อนว่าแนวโน้มไปทิศทางเดียวกับ Rsi ถึงจะใช้ Rsi ช่วยยืนยันทิศทางที่ถูกต้อง
ข้อเสียของ Rsi
ไม่เหมาะกับช่วงเกิด Sideway
บางครั้งจะเกิดสัญญาณหลอกเกิดขึ้น
อย่าใช้ Indicator นำการเข้าเทรด ซื้อ ขาย เด็ดขาด (สัญญาณหลอกมีเยอะ)

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

การอ่านกราฟแท่งเทียน

Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments
ประวัติความเป็นมาของกราฟแท่งเทียน
การวิเคราะห์เชิงเทคนิคโดยอาศัยกราฟแท่งเทียนนั้น เจ้าของตำรับที่แท้จริงคือชาวญี่ปุ่น เขาคือ Mr.Munehisa Homma ซึ่งมีความเป็นมาคือ

เมื่อครั้งก่อนในสมัยอดีตช่วงประมาณ 200 กว่าปี ท่านได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวประสบความสำเร็จ จนร่ำรวย รัฐบาลญี่ปุ่นสมัยนั้นจึงได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นที่ปรึกษาด้านการคลัง โดยท่าน Munehisa Homma เกิดในปี 1724 ในครอบครัวที่ร่ำรวยและทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าว เขามีความเชี่ยวชาญเรื่องการค้าข้าวเป็นอย่างยิ่ง มีความเข้าใจในตลาด เข้าถึงและรู้ซึ้งในอารมณ์ของผู้ซื้อเป็นอย่างดี  ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล นิสัยของผู้ซื้อ-ผู้ขายในแต่ล่ะครั้ง มาทำการวิจัยในเชิงจิตวิทยา แล้วกำหนดให้อยู่ในรูปแบบแท่งเทียน ทำการเก็บประว้ติและสติถิ จากนั้นนำไปคำนวนศึกษาหาแนวโน้มต่างๆ เพื่อประกอบในการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น
เหตุผลโดยสรุป ที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมนำกราฟแท่งเทียน (Candlesticks)มาวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค เพื่อช่วยในการติดสินใจคือ
  1. กราฟแท่งเทียน (Candlesticks) มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์เพื่อใช้สำหรับการซื้อขายเพราะ ประกอบไปด้วย ราคาเปิด (Open Price) , ราคาปิด (Close Price) , ราคาสูงสุด (High Price) , ราคาต่ำสุด (Low Price) โดยนำข้อมูลทั้งหมดมาสร้างเป็นกราฟแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว
  2. กราฟแท่งเทียน 1 แท่ง สามารถอธิบายอารมณ์และบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้เป็นอย่างดี
  3. กราฟแท่งเทียนสามารถบอกได้ว่าการซื้อขาย ณ ขณะนั้น ใครมีพลังมากกว่ากันระหว่าง กระทิงกับหมี หรืออีกในหนึ่งก็คือ มีแรงส่งไปทางขึ้นหรือลง นั่นเอง
  4. สามารถบอกได้ว่า ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป มีโอกาสที่กราฟจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง ซึ่งหมายความว่า ตัวกราฟแท่งเทียนสามารถอ่านสัญญาณซื้อขายได้ด้วยตัวของมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีดัชนีอื่นๆเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ซื้อขาย
รูปแบบกราฟแท่งเทียนที่มีลักษณะตรงกันข้าม 26 คู่ ที่ควรจดจำ
























.


Posted by ไม่ระบุชื่อ with No comments
การใช้ Bollinger band ควบคู่ไปกับ Relative Strength Index และ Stochastic Slow ในตลาดฟอเร็กซ์
บทความนี้ได้มีเพื่อนผมคนนึงครับบอกชื่อเลยละกัน kt2008(user ในมาเก็ตติว่านะครับ) บอกให้ผมช่วยหา Indicators ที่ใช้ควบคู่กับ Bollinger Band หน่อย ซึ่งตอนนั้นผมก็ตอบเพื่อนคนนี้อย่างรวดเร็วไปว่า "เออ ใช้กับ Stochastic Slow ว่ะ"ซึ่งผมยังไม่ได้บอกมันเลยครับ ว่าผมไม่ได้บอกทั้งหมดว่าใช้กับ RSI ได้ด้วย  แต่ว่าใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ Stochastic บอกสัญญาณที่เร็วกว่า Relativa Strength Index (Rsi)  Oscillators ที่บอกสัญญาณได้เร็วอันดับแรกก็คือ Commodity Channel Index (CCI) และรองลงมาก็คือ Stochatic  สองตัวนี้จะเหมาะสมกับกราฟพักตัว หรือที่เรียกว่ากราฟไซเวย์(Sideway) นั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่าได้ใช้อินดิเคเตอร์สองตัวนี้ในการเล่นกราฟที่มีแนวโน้มไปทางเดียวเด็ดขาด เพราะคุณอาจจะถูกหลอกว่ามัน Over Bought (OB= ภาวะตลาดมีแรงซื้อเยอะเกิน )ในช่วงขาขึ้น และภาวะตลาดที่มีแรงขายเยอะเกิน (Over Sold) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนตกใจ อย่าพยายามคิดว่า มันสุดแล้วหน่า Sell ดีกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ   เพราะฉะนั้นคุณควรจะศึกษา Elliott wave หรือหาจัดกลับตัวจากการใช้ Fibonacci กันด้วยครับ ทั้งสองสิ่งนี้มันจะทำให้เรารู้ว่ากราฟจะพักตัวตรงไหน จะกลับตัวตรงไหน สามารถพยากรณ์ช่วยเราได้

Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com การใช้ Bollinger band ควบคู่ไปกับ Relative Strength Index และ Stochastic Slow ในตลาดฟอเร็กซ์ | Forex Trading Blog สอนเทรด Forex - แหล่งศึกษาข้อมูล Forex และสอน Trade Forex แบบมืออาชีพ
Under Creative Commons License: Attribution
สำหรับบทความนี้นะครับ จะเป็นเรื่อง การใช้  Bollinger Band ผมจะอธิบายตามหลักที่ผมเข้าใจนะครับ
Bollinger Band คือเส้นที่อยู่เหนือราคา และอยู่ตำกว่าราคา สองเส้นนี้จะเป็นกรอบที่ห้อมล้อมราคาไว้ และสามารถบอกเราให้รู้ว่า ราคาควรจะอยู่ในช่วงไหน ซึ่งนี้แหระครับ คือความมหัศจรรย์ของมัน หลายคนอาจจะมีมองข้ามสิ่งที่ง่ายๆไป สิ่งที่สามารถทำกำไรได้ โดยที่ไม่รู้ว่า พื้นฐานนี่แหระครับ เป็นสิ่งที่ดี (Basis(c) is the best ) โบลินเจอร์แบนจะประกอบด้วยทั้งหมด 3 เส้น ในกรณีที่อยู๋ในกราฟ MT4 นะครับ แต่ถ้าอยู่ใน Marketiva จะมีสองเส้น (ให้เพิ่มเส้น MA 20 เข้าไปเพื่อให้มีสามเส้นเหมือนกับ mt4 )
Bollinger band ประกอบด้วย 1. Upper Line เส้นบนสุด  2.Middle Band เส้นกลาง 3. Lower Line เส้นล่างสุด  เส้นกลาง Middle Line ผมจะเรียกมันว่า เส้น Pivot จะใช้เป็นจุดกึ่งกลางของช่วงที่ราคาเคลื่อนที่ โดยกฎทั่วไปของ Bollinger band  ผมจะพิจารณาเป็นสองช่วงนะครับ ช่วงแรกคือกราฟวิ่งทางเดียว หรือที่เรียกว่า กราฟมีแนวโน้มที่ชัดเจน และช่วงที่สองคือ ช่วงกราฟวิ่งขึ้นวิ่งลงเป็น Flat(ขนานในแนวระนาบ) หรือที่เรียกว่ากราฟ Sideway (เหมาะมากกับการใช้โบลินเจอร์แบน)
เรามาดูแบบแรกกันก่อนนะครับ
สภาวะขาขึ้น Bullish 

ช่วงที่มีแนวโน้มชัดเจน ถ้าเป็นขาขึ้น (Bullish) กราฟจะเกาะเส้นบน (Upper Line ) ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการพักตัว
-เมื่อกราฟพักตัวแล้วราคามีการปรับตัวลงมา แต่ราคาไม่สามารถทะลุเส้น Middle Band ไปได้ นั่นหมายความว่า ราคายังจะคงขึ้นต่อไปจนกว่าจะไปชนเส้นบน Upper line อีกครั้ง
-แล้วจุดกลับตัวดูยังไง
   จุดกลับตัวก็ดูจากราคาปิดของแท่งเทียน ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนปิดต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งมันเอง นั่นหมายความว่า แนวโน้มของกราฟกำลังจะกลับตัวลงมาที่เส้น Middle Line อีกครั้ง
-แล้วเราจะใช้กับ Time frame ไหน จึงจะเหมาะสมที่สุด
Time Frame หรือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าเล่นสั้น(Short term Trading) หรือเส้นยาว(Long Term Trading) ถ้าเล่นสั้นๆ ก็ใช้ Tf 5 15 นาที แต่ถ้าเล่นยาวๆ ก็ควรจะใช้ มากกว่า 1 H แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมใช้กับกราฟ 30 นาที ถือว่าเหมาะสมกับผมที่สุด
ต่อไปเรามาดูสภาวะที่เป็นขาลง Bearish กันบ้างครับ
สภาวะขาลงก็ตรงกันข้ามกับขาขึ้น แต่สภาวะขาลงจะเล่นสนุกกว่าขาขึ้น เพราะลงมากกว่าขึ้น และใช้เวลาน้อยกว่า เทรดเดอร์บางคนรอเล่นเฉพาะขาลง เพราะมันได้ก

ต่อไปเรามาดูสภาวะที่เป็นขาลง Bearish กันบ้างครับ
สภาวะขาลงก็ตรงกันข้ามกับขาขึ้น แต่สภาวะขาลงจะเล่นสนุกกว่าขาขึ้น เพราะลงมากกว่าขึ้น และใช้เวลาน้อยกว่า เทรดเดอร์บางคนรอเล่นเฉพาะขาลง เพราะมันได้กำไรเร็ว
-ถ้าราคาเกาะเส้นล่าง Lower line ไปเรื่อย แสดงแนวโน้มของขาลงยังคงไปต่อ และยังไม่จบอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าแท่งเทียนปิดต่ำกว่าครึ่งของแท่งมันเอง เป็นสัญญาณบอกได้ชัดเจนว่าลงต่อ อย่างแน่นอน
-เมื่อราคามีการพักตัวราคาจะดีดกลับมาที่เส้น Middle Line แต่โดยส่วนมาก ราคามักจะไม่ผ่านเส้นกึ่งกลางนี้
-เมื่อราคาเกิดการพักตัวจะ Side way ไปหาเส้น Middle Line แล้วเมื่อไปชนเส้นนี้ แล้วมีแท่งเทียนขาลงเกิดขึ้น แสดงว่าแนวโน้มยังคงลงต่อไปและไปหาเส้นล่าง(Lower Line ) เสมอ

-แล้วจุดกลับตัวล่ะ ดูยังไง
จุดกลับตัวก็ดูตรงข้ามกับกราฟขาขึ้น จุดกลับตัวของกราฟขาลง ถ้าราคาทะลุเส้นโบลินเจอร์แบนลงไปแล้ว เด้งกลับขึ้นมาแล้วลักษณะของแท่งเทียนแสดงเป็นลักษณะ โดจิ ค้อน หรือดูราคาปิดก็ได้ ถ้าราคาปิด ปิดสูงกว่ากึงกลางของแท่ง ก็แสดงว่า เริ่มจะกลับตัว

ช่วงที่สอง กราฟวิ่งขึ้นวิ่งลง หรือเรียกกันว่ากราฟไซด์เวย์ นั่นเอง
กราฟไซเวย์ดูง่ายครับ ถ้าใช้ Bollinger Band ลักษณะของโบลินเจอร์จะเป็นช่องขนานไปกับแนวระนาน โดยที่
- เส้นบนจะกลายเป็นแนวต้านทันที นั่นหมายความว่า ถ้าราคาขึ้นไปแล้วไม่ผ่าน มันก็จะวิ่งลงมาหาเส้นล่าง แล้วถ้าไม่ผ่านเส้นล่าง ก็ขึ้นไปหาเส้นบน จะเป็นแบบนี้ตลอด
-แล้วมันจะแบบนี้ตลอดเลยเหรอ
มันจะเป็นแบบนี้เฉพาะช่วงไซย์เวย์หนักๆเท่านั้น โดยส่วนมาก จะไม่เกิน 3 Top 3 Bottom ถ้าเกินคือกราฟเริ่มสะสมแรงเพื่อไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- แล้วมีจุดสังเกตมั้ยว่ากราฟกำลังสะสมกำลังจะพุ่ง
   ดูง่ายๆเลยครับ ถ้าโบลินเจอร์แบนลู่เข้าหากัน หมายความว่า เป็นลักษณะคอคอด หรือขอขวดนัั่นแหระ ให้้เตรียมพร้อมไว้เลย ว่ากราฟจะกำลังจะไปในทิศทางใด ทิศทางหนึ่ง
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ผมให้การบ้านกับคนที่อ่านทุกคน จินตนาการตามที่ได้อ่าน แล้วลองดูกราฟ ตอนนี้ผมยังไม่ทำรูปให้ดู แล้วมาดูกันว่า รูปตามจินตนาการของคุณกับของ 9prof จะเหมือนกันมั้ยครับ ฝากไว้เป็นการบ้านนะครับ